1. 1. เป็นอีเมล์ขยะ (Junk Mail)
Spam mail ส่วนใหญ่จะเป็นอีเมล์โฆษณา
หรือเป็นอีเมล์ที่ทำให้เข้าใจผิด เพื่อเป็นการโจมตีคู่แข่งทางการค้าบ้าง
และบางส่วนเป็นอีเมล์หลอกลวง ซึ่งมีทั้งรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกให้บริจาค
หรือให้ส่งเมล์ต่อเป็นจดหมายลูกโซ่
2. 2. สิ้นเปลืองเวลา
ต้องใช้เวลาในการจัดการกับ
Spam
เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน นอกจากนี้ในภาพรวม Spam mail มีส่วนในการกีดขวางการทำงานของ Mail Server ทั่วโลก
3. 3. ปัญหา Spam ล้น
บางครั้งอาจจะมีอีเมล์หลอกคุณว่า
ถ้าหากไม่ต้องการรับ Spam mail เหล่านี้ ให้ส่งอีเมล์กลับมา
ซึ่งหากมีใครที่ทำตาม ก็จะมีอีเมล์ขยะส่งเข้ามาในอีเมล์ของคนนั้นอย่างล้นหลาม
โดยที่ผู้ส่ง Spam mail ไม่ได้มีการยกเลิกตามที่แจ้งไว้ ซึ่งถ้าหากว่ามีผู้ใช้ที่ทำตามเพียง
1 ใน 10 จาก 1% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
Spam mail ที่ส่งมาก็จะมีจำนวนถึง 1 แสนฉบับต่อวัน
ซึ่งถ้า Spam mail เหล่านี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปจะทำให้ผู้ใช้อีเมล์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเมล์บล็อกได้เต็มที่
4. 4. ลักลอบใช้ทรัพยากรของผู้อื่น
เสี่ยงต่อการติดไวรัสคอมพิวเตอร์
มัลแวร์ หรือสปายแวร์ เพราะมีอีเมล์เข้ามาจากผู้ไม่ประสงค์ดีหรือสแปมเมอร์ ด้วยจำนวนของสแปมเมอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
พวกเขาจะเจาะเข้าไปในระบบ Mail Server เพื่อใช้ในการส่ง
Spam mail และยังทำให้ระบบทำงานหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่ายหรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
มีพวกสแปมเมอร์จำนวนมากที่ใช้วิธีการ “hit & run” นั่นคือเมื่อพวกสแปมเมอร์เหล่านี้ได้ขโมยบัญชีผู้ใช้งานของทาง
ISP ได้แล้วก็จะเริ่มส่ง Spam mail อีกเป็นหมื่นฉบับจากนั้นก็จะยกเลิกแอคเคาน์นั้นทันที
หรือจนกว่าทางผู้ให้บริการจะเริ่มผิดสังเกต
5. 5. สิ้นเปลืองแบนด์วิดท์ (Bandwidth) อินเตอร์เน็ต
อีเมล์ขยะ หรือ Spam
mail มักเป็นการดาวน์โหลดที่มีความเสี่ยง เป็นอันตรายและสิ้นเปลืองแบนด์วิดท์จำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ภายใต้ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด Spam mail เหล่านั้นยังใช้ทรัพยากรอันมีค่าของระบบเครือข่ายและพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
หรืออีกนัยหนึ่ง หากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตทั่วโลกสามารถหยุด Spam mail ได้ ความเร็วอินเตอร์เน็ตโดยรวมในทุกที่ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากนั่นเอง
6. 6. ผลผลิตลดลง
อีเมล์ขยะ (Spam
mail) ทำให้พนักงานของคุณเสียเวลา
โดยเฉลี่ยแล้วอีเมล์เหล่านี้คิดเป็น 70–90% ของอีเมล์ทั้งหมดที่เข้ามาในกล่องจดหมาย
(Inbox) และใช้เวลาประมาณ 16
วินาทีในการระบุและลบอีเมล์หนึ่งฉบับ สิ่งเหล่านี้นี้สร้างปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่มีบริการกรอง
Spam เนื่องจากคุณจะต้องคลิ๊กอีเมล์ทั้งหมดเพื่อค้นหาอีเมล์ที่ถูกต้อง
ลองนึกภาพเวลาที่สูญเสียไปโดยพิจารณาจากจำนวนพนักงานของคุณและปริมาณ Spam
mail ที่พวกเขาได้รับในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ และแต่ละเดือน
7. 7. ข้อมูลส่วนตัวถูกเปิดเผย
นักส่งสแปมมักใช้สปายแวร์เพื่อแทรกซึมระบบคอมพิวเตอร์ของคุณและขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
เช่น ที่อยู่ หมายเลขประกันสังคม ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน และหมายเลขบัตรเครดิต
พวกเขายังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการท่องเว็บและโปรแกรมที่คุณใช้
สปายแวร์จะใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของคุณเองเพื่อส่งข้อมูลที่สำคัญของคุณไปยังนักส่งสแปมที่อาจใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อฉ้อโกง
เช่น การเปิดบัญชีธนาคารอื่นในชื่อของคุณ การคืนภาษี การให้คะแนนเครดิตของคุณ
และแม้แต่การขายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้กับ อาชญากรอื่น ๆ
ต่อไปนี้คือรายการข้อมูลทั่วไปที่อาจะถูกเปิดเผย
เมื่อคุณเปิดรูปภาพ ไฟล์แนบ หรือลิงค์อัตโนมัติ ที่มากับ Spam
Mail
1) ที่อยู่
IP:
นี่คือที่อยู่อินเตอร์เน็ตของเราเตอร์ที่บ้าน ผู้ให้บริการมือถือ
หรือการเชื่อมต่อที่ทำงาน ซึ่งสามารถใช้เพื่อรับข้อมูลต่อไปนี้:
·
ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์โดยประมาณมักจะลงไปถึงระดับเมือง
·
บริการอินเตอร์เน็ตหรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของคุณ
·
หากคุณอยู่ที่ทำงาน
ผู้ส่งสแปมสามารถค้นหาชื่อบริษัทของคุณได้
·
ประเภทการเชื่อมต่อที่คุณใช้
เช่น DSL,
ไฟเบอร์ออปติก, ข้อมูลมือถือ ฯลฯ
2) ประเภทอุปกรณ์
เช่น มือถือ แท็บเล็ต เดสก์ท็อป/แล็ปท็อป
3) ระบบปฏิบัติการ
เช่น Windows,
Mac, Chromebook หรือ Linux
4) เบราว์เซอร์หรือแอปตัวอ่านอีเมล์ที่คุณใช้
5) โซนเวลาของอุปกรณ์
6) ขนาดหน้าจอ
7) ภาษาของอุปกรณ์
8. 8. เป็นพวกหัวขโมย
พวกสแปมเมอร์มักจะชอบขโมยรายชื่ออีเมล์ของบุคคลต่าง
ๆ บางครั้งก็มีการใช้ซอฟต์แวร์สแปมเพื่อวิ่งและสแกนหาอีเมล์ที่ผู้ใช้ไปทำการโพสต์หรือลงทะเบียนตามเว็บไซต์ต่าง
ๆ
อีเมล์ขยะ หรือ Spam
Mail มักจะมีเจตนาร้ายแอบแฝง
ดังนั้นคุณควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ปัจจัยบางประการที่ควรระวังและให้ความสำคัญ
เราจะกล่าวถึงในเนื้อหาส่วนต่อไป
0 ความคิดเห็น