Widget Recent Post No.

header ads

10 การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ที่จำเป็น

 


คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีรูปแบบและขนาดต่างกัน และแต่ละเครื่องก็ช่วยให้เราเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะต้องใช้อุปกรณ์สำหรับทำงานหรือเล่น และการรักษาอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ดี เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตั้งแต่สภาพภายนอกไปจนถึงฟังก์ชันการทำงาน คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และทำงานได้อย่างไม่ติดขัด

ปัญหา เครื่องช้า, ระบบปฏิบัติการเสีย, CPU มีความร้อนสูงเกินไป หรือแบตเตอรี่ที่หมดเร็วนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยสามารถป้องกันได้ มาดูเคล็ดลับการบำรุงรักษาที่จำเป็น 10 ข้อนี้กัน เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูดีไปอีกหลายปี

1.ป้องกันการกระแทก

ถ้าใครเคยเจอเครื่องคอมพิวเตอร์ ตก กระแทก แล้วเครื่องเสียหาย ยิ่งถ้าซื้อเครื่องมาได้ไม่นาน และมีรอยขีดข่วนต่างๆ จะทำให้เราเซ็งน่าดู แต่ถ้าหนักหน่อยกรณีจอแตกหรือ อุปกรณ์ภายในเสียหาย ก็ต้องส่งเคลม ส่งร้านซ่อมเสียเวลา เสียเงิน อีก ดังนั้นมาป้องกันความเสียหายไว้ก่อนดีกว่า สำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คและต้องเดินทางบ่อยๆ ควรป้องกันเครื่องจากสิ่งต่างๆเพื่อให้ใช้งานได้นานๆ โดยเริ่มต้นด้วยการป้องกันง่ายๆ กันสองสามแบบ คือ:

  1. ใช้ Hardshell case

ฝาครอบโน๊ตบุ๊คโทำจากโพลีคาร์บอเนต พลาสติก หรือยางหุ้มแข็งปกป้องคอมพิวเตอร์โดยสามารถใช้งานถึงพอร์ต ปุ่ม ไฟ และพัดลมได้ง่าย ทำหน้าที่ป้องกันตัวเครื่องจากความเสียหายและรอยขีดข่วน

  1. กระเป๋าซอง

กระเป๋าสไตล์ซองเรียบง่าย นุ่ม ซึ่งปกติแล้วจะทำจากวัสดุ เช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ หนังกลับ หรือไมโครไฟเบอร์ ซองใส่แล็ปท็อปเป็นอุปกรณ์ป้องกันน้ำหนักเบา

  1. กระเป๋าสำหรับโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะ

กระเป๋าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับโน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จำเป็น ซึ่งจะป้องกันได้มากกว่ากระเป๋าทั่วไป

2.จัดระเบียบสายต่างๆ

สิ่งเดียวที่น่าเบื่อมากกว่าการจัดการกับสายเคเบิลที่ยาวและยุ่งเหยิงคือการต้องมานั่ง แยกสายพวกนี้ที่พันกัน สายเคเบิลต่างๆไม่ว่าจะเป็น สายไฟ, สายLAN, สายUSB ต่างๆ จะเชื่อมต่ออยู่เสมอและเป็นสิ่งที่จำเป็น อีกอย่างถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ดับไปในขณะใช้งานอยู่อาจส่งผมเสียแก่ Haredware ขอเครื่องได้ ดังนั้นนั้นลองเสียเวลาสักนิดเพื่อกระจายและจัดระเบียบของสายต่างๆ ที่เหมือนงูวางไข่จากปลั๊กพ่วงและพอร์ตของคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊คลองใช้วิธีการจัดระเบียบสาย ดังนี้:

  1. ใช้รางปลั๊กไฟแบบแยกสวิตช์

การรางปลั๊กไฟแบบแยกสวิตช์สะดวกในการใช้งาน และมีอิสระในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของสายไฟของแต่ละอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ จอภาพ หรือเครื่องพิมพ์ และแท่นชาร์จต่างๆ

  1. สายเคเบิลรหัสสี

สายคอมพิวเตอร์มักจะมีสองสี ดำและขาว. การจัดสายไฟของคุณอาจทำได้ง่ายเพียงแค่เขียนรหัสสีด้วยสีแดง น้ำเงิน เหลือง เขียว และหรือใช้ป้ายกำกับในเฉดสีที่แยกแยะได้

  1. คลิปหนีบสาย

การจัดการสายไฟทำได้ง่ายเมื่อติดคลิปหนีบสายไฟเข้ากับโต๊ะทำงาน ผนัง หรือพื้น คลิปขนาดเล็กเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อยึดสายเคเบิลที่มีขนาดต่างกันทั้งหมด

  1. ทำแผงออแกไนเซอร์

ทำหน้าที่เป็นแผงผังแสดงรายละเอียดสายไฟ เพื่อให้รู้ว่าสายต่อไปที่ไหน สวิตช์นี้ต่อกับอุปกรณ์ใด แต่อย่าลืมวางสายไฟให้ห่างจากทางเท้า การสะดุดสายไฟอาจส่งผลให้อุปกรณ์ล้มลง และทำความเสียหายได้นะครับ

3. อัปเดตระบบปฏิบัติการของคุณ

การบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน โดยการทำให้ระบบปฏิบัติการของคุณทันสมัยอยู่เสมอเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows, Mac หรือ Linux การอัปเดตพีซีเมื่อมีแพตช์ใหม่พร้อมให้ใช้งานจะช่วยให้พีซีอยู่ในสถานะที่ปลอดภัย และการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

Windows 10 ขึ้นชื่อในด้านการดูแลผู้ใช้งานให้ทันกับการตรวจสอบการอัปเดต การสแกนอัตโนมัตินี้เกิดขึ้นในพื้นหลัง โดยคุณไม่รู้ (ในกรณีเปิด Auto Update) และจะแจ้งให้ทราบเสมอหากมีซอฟต์แวร์สำคัญหรือแพตช์ระบบปฏิบัติการที่จำเป็นต้องอัปเดต เป้าหมายสุดท้ายคือการเพิ่มประสิทธิภาพพีซีของคุณ เช่น Driver อุปกรณ์ต่างๆในเครื่อง หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ดังนั้นเมื่อ Windows แนะนำให้คุณอัปเดต คุณควรทำการอัปเดต

เคล็ดลับจากมืออาชีพ: การอัปเดตบางอย่างใช้เวลานานกว่าการอัปเดตอื่นๆ จัดสรรเวลาก่อนนอนหรือระหว่างช่วงพักกลางวันเพื่อให้ Windows ทำสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ขัดจังหวะขั้นตอนการทำงานของคุณนะครับ

4. เข้าใจการทำงานแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คจะยืดอายุการใช้งาน

มีคำถามที่ว่า “ใช้งานโน้ตบุ๊คพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ไป กับการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มแล้วค่อยใช้งานอันไหนดีกว่า” จริงๆแล้วเราต้องมาดูประเภทของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่แบบเก่าเป็นแบบ Ni-Cd ,NiMH ที่ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มแล้วค่อยใช้งาน แต่แบตเตอรี่โน้ตบุ๊คที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะเป็นชนิด Lithium Ion (Li-on) ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา และสามารถชาร์จไฟเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ว่าแบตเตอรี่จะเหลือมากหรือน้อยแค่ไหนนั่นเอง โดยจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ Memory Effect (ซึ่งมีผลกับแบตเตอรี่รุ่น Ni-Cd และรุ่น NiMH) แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วคือ ความร้อน และจำนวนรอบ (Cycle) ของการชาร์จ

คำแนะนำ: ควรชาร์จแบตเตอรี่ ณ ระดับพลังงาน ที่ 35-60 % ให้เต็มความจุทุกครั้ง

อย่างไรก็ตามด้วยคุณลักษณะของแบตเตอรี่แบบ Li-on นั้นจะมีการคลายประจุออกมาอยู่แล้วในอัตรา 10 % ต่อ 1 เดือน (ที่อุณหภูมิการใช้งาน) และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊คก็จะไม่เกิน 2-3 ปี แต่หากมีการใช้งานอย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น และเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อเสื่อมสภาพแล้วก็ควรลือกที่มีคุณภาพจาก เชื่อถือได้ เช่นจากศูนย์ของยี่ห้อนั้นๆ หรือร้านที่ได้มาตรฐาน

5. ลบไฟล์ขยะและโปรแกรมที่ไม่จำเป็นในเครื่องบ้าง

สิ่งหนึ่งที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์และการทำงานของเราช้าลงเมื่อเราใช้งานคอมพิวเตอร์ไปนานๆ คือจำนวนไฟล์ที่ไม่ได้ใช้ซึ่งอยู่ในฮาร์ดไดรฟ์ โปรแกรมที่ไร้ประโยชน์และไฟล์ขยะเก่าๆ ซึ่งอาจใช้พื้นที่มากกว่าที่คิด ตั้งแต่ซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าไปจนถึงไฟล์ที่เลิกใช้แล้ว คอมพิวเตอร์จะต้องใช้พื้นที่เก็บไฟล์ต่างๆพวกนี้ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ลดลง

ก่อนที่คอมพิวเตอร์แจ้งเตือนขอพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่ม ให้ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นภายในคอมพิวเตอร์เหล่านี้ โดยให้ดำเนินการ:

  1. ถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ใช้งาน ( Uninstall )
  2. เรียกใช้ซอฟต์แวร์ล้างดิสก์ ( Disk cleanup )
  3. ล้างถังรีไซเคิล ( Recycle bin )
  4. ลบไฟล์ชั่วคราว ( Temporary files )
  5. ลบแคชของหน้าเว็บออฟไลน์ ( Cache of offline web pages )

6. ติดตั้งโปรแกรมแอนติไวรัส และสแกนไวรัสเป็นประจำ

การโจมตีจากมัลแวร์สามารถแอบดูคุณได้ทุกเมื่อ และในกรณีที่มีการโจมตี การมีโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ชาญฉลาดบนคอมพิวเตอร์จะปกป้องคุณจากความเสียหายจากไวรัส การสแกนไวรัสรายสัปดาห์ทำให้มั่นใจได้ว่าคอมพิวเตอร์จะปลอดจากการติดซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย การสแกนขั้นพื้นฐานจะตรวจสอบคอมพิวเตอร์ว่ามีอันตรายหรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยหรือไม่

สำหรับผู้ที่เป็นผู้ใช้เว็บบ่อยๆ และดาวน์โหลดโปรแกรมและไฟล์เป็นประจำ ให้ใช้การสแกนไวรัสสองครั้งต่อสัปดาห์ จะดีกว่าที่เสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่เหล่าแฮกเกอร์ต้องการ

การติดมัลแวร์จะลดประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ หรือเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับต่อแฮกเกอร์นั้น จะขึ้นอยู่กับประเภทของมัลแวร์ที่ติดในระบบ โดยไวรัสสามารถ:

  1. ทำให้ความเร็วเว็บเบราว์เซอร์ช้าลง
  2. รบกวนการเชื่อมต่อเครือข่าย
  3. ควบคุมหรือทำลายระบบ และไฟล์ต่างๆ
  4. เปลี่ยนการตั้งค่าคอมพิวเตอร์
  5. สามารถเข้าถึงทรัพยากรระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

การสแกนไวรัสเป็นประจำ จะทำให้วางใจได้ว่าไม่มีสิ่งใดหลุดลอยไป และอย่าลืมตั้งค่าสแกนไวรัสที่สแกนการดาวน์โหลดทั้งหมดด้วย

7. ทำความสะอาดแป้นพิมพ์และเคส

ลองเปิดเคสคอมพิวเตอร์ และแป้นพิมพ์ดูบ้าง จะเห็นฝุ่นและเศษซากต่างๆอยู่ใต้แป้นคีย์บอร์ดว่ามีมากเพียงใด อาจจะมีตั้งแต่เศษอาหารและขนสุนัขไปจนถึงฝุ่นและสิ่งสกปรก และทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถใส่เข้าไประหว่างปุ่มได้ เศษสกปรกจำนวนหนึ่งสามารถอุดตันแป้นพิมพ์ได้ ซึ่งมักจะส่งผลให้ปุ่มเหนียวและกดยาก

การล้างส่วนที่ยากต่อการเข้าถึงของคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คของคุณนั้นทำได้ง่ายที่สุดด้วยการเป่าด้วยลม หรือดูดฝุ่นออก ซึ่งหาซื้อได้จากร้านอุปกรณ์สำนักงาน ร้านคอมพิวเตอร์ และร้านฮาร์ดแวร์

  1. สำหรับคีย์บอร์ดสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

ถอดปลั๊กคีย์บอร์ดออกจากพอร์ต USB หรือปิดเครื่องหากเป็นแบบไร้สาย เอียงแป้นพิมพ์คว่ำและเขย่าเศษที่หลวมออกก่อน พ่นลมอัดเป็นมุมและห่างจากกุญแจประมาณ 1 นิ้ว ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาดๆ เช็ดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกส่วนเกินออก

  1. สำหรับผู้ใช้โน๊ตบุ๊ค

ปิดโน๊ตบุ๊คและถอดปลั๊ก USB หรืออินพุตแหล่งจ่ายไฟออก เอียงโน๊ตบุ๊คคว่ำแล้วแตะเบา ๆ เพื่อให้เศษผงหลุดออกมา วางโน๊ตบุ๊คลง แล้วฉีดด้วยสเปรย์ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ระหว่างปุ่มต่างๆ ในระยะประมาณ 1 นิ้ว พ่นเป็นจังหวะสั้นๆ โดยเคลื่อนที่จากด้านหนึ่งของแป้นพิมพ์ไปอีกด้านหนึ่ง

หากบางจุดทำความสะอาดยากกว่าจุดอื่นๆ ให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เป็นทางเลือกที่ดี แอลกอฮอล์ระเหยได้เร็วกว่าน้ำซึ่งเป็นสารละลายที่สมบูรณ์แบบสำหรับคราบต่างๆ

เมื่อทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์ ให้หลีกเลี่ยงการเทของเหลวใดๆ ลงบนแป้นพิมพ์ อาจทำให้คอมพิวเตอร์เสียหายได้

8. เปลี่ยนและอัปเดตรหัสผ่านต่างๆบ้าง

เชื่อหรือไม่ การอัปเดตรหัสผ่านเป็นสิ่งที่สำคัญพอๆ กับการสำรองข้อมูล โดยรายงานการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลของ Verizon พบว่า 81% ของการละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูล และที่น่าตกใจใช้ประโยชน์จากรหัสผ่านที่ถูกขโมยและหรือรหัสผ่านที่ไม่รัดกุม โดยพฤติกรรมรหัสผ่านที่ไม่ดีครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับทุกบัญชี ไปจนถึงการใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เช่น “password” หรือ “123456”

เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน การปกป้องข้อมูลสำคัญจากอาชญากรไซเบอร์ควรอยู่ในระดับต้นๆ ที่ต้องทำก่อนเสมอ ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ และมากกว่าที่เคยเป็นมา ผู้ใช้งานต้องตระหนักถึงสิ่งนี้ให้มากๆ

สำหรับการอัปเดตรหัสผ่าน ให้ลองใช้การสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมเช่น:

  1. ใช้อักขระอย่างน้อย 10 ตัว
  2. ใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กผสมกัน
  3. รวมทั้งตัวเลขและสัญลักษณ์พิเศษ
  4. เพิ่มอีโมติคอนถ้าเป็นไปได้ (:O, :(, :D, :), T.T)

รหัสผ่านที่รัดกุมปกป้องข้อมูลทั้งหมดจากแฮกเกอร์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมมันจึงเป็นส่วนสำคัญของการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์

9. จัดระเบียบข้อมูล

เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้การจัดระเบียบข้อมูลของคอมพิวเตอร์ผิดพลาดเมื่อไลฟ์สไตล์การทำงานและการเล่นคอมพิวเตอร์ไม่เหลือเวลามากพอสำหรับการจัดการไฟล์ต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เพลงเก่าจากวงดนตรี หรือส่วนเสริมที่ดาวน์โหลดมาสำหรับเกมต่างๆ โฟลเดอร์จำนวนมากในคอมพิวเตอร์ก็เพิ่มจำนวนได้ตลอด

หากจำครั้งสุดท้ายที่ดูในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดไม่ได้ เป็นไปได้ว่านานมากแล้ว เช่นเดียวกับโฟลเดอร์ต่างๆที่มีอยู่

การจัดการกับคอมพิวเตอร์ที่รกหรือโฟลเดอร์คอมพิวเตอร์ที่แออัดอาจเป็นงานที่น่ากลัว แต่ด้วยการจัดระเบียบจะทำให้เข้าสู่ระบบการทำงานของไฟล์และโฟลเดอร์ได้ดี

  1. สร้างโฟลเดอร์หลัก

ทุกคนใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจุดประสงค์หลักที่แตกต่างกัน นักเขียนอิสระมักจะมีการสร้างโฟลเดอร์หลักที่แตกต่างไปจากนักเล่นเกมมืออาชีพหรือเจ้าของธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดรูปแบบหมวดหมู่โฟลเดอร์ตามการใช้งานของไฟล์ เพื่อทำให้การจัดระเบียบรอบแรกเป็นเรื่องง่าย และครั้งต่อไปจะง่ายยิ่งขึ้น

  1. สร้างโฟลเดอร์ย่อย

ภายในโฟลเดอร์หลัก โฟลเดอร์ย่อยข้างในจะทำให้การทำงานเร็วยิ่งขึ้น การจัดหมวดหมู่ไฟล์ตามประเภทหรือเนื้อหาจะช่วยให้เข้าถึงไฟล์ได้เร็ว ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ่มค้นหา

  1. ล้างโฟลเดอร์ดาวน์โหลด

โฟลเดอร์ดาวน์โหลดควรทำหน้าที่เป็นแคชชั่วคราวสำหรับไฟล์ที่ดาวน์โหลดล่าสุด สร้างนิสัยในการดาวน์โหลดแล้วก็ให้เหมาะสมหรือลบทิ้งเมื่อใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์

  1. ล้างเดสก์ท็อปของคุณ

เมื่อคุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในแต่ละวันหรือการท่องโซเชียลมีเดีย หากต้องการทำเช่นนั้นโดยไม่เสียเวลาจากความยุ่งเหยิง ให้ล้างเดสก์ท็อปสำหรับไฟล์ โฟลเดอร์ หรือโปรแกรมใดๆ ที่ไม่ต้องการ ซึ่งจะพร้อมใช้งานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง

  1. ตั้งชื่อไฟล์ที่เข้าใจง่าย

หากต้องบันทึกรูปภาพ ไฟล์ PDF และไฟล์ทั่วไปอื่นๆ บ่อยๆ การพิมพ์คำที่ไม่มีความหมายสำหรับการบันทึกชื่อไฟล์นั้นอาจจะเร็ว และทำได้ง่าย แทนที่จะรีบตั้งชื่อให้เสร็จๆไป ให้ใช้เวลาคิดชื่อไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับไฟล์นั้น เช่น ภาพภูเขา ก็ตั้งชื่อบันทึกไฟล์ว่า ภูเขา เลย และเก็บไว้ในโฟลเดอร์เกี่ยวกับภาพ เพื่อให้รู้เลยว่า ภาพภูเขา อยู่ตรงไหน และเป็นไฟล์ไหน เป็นต้น

10. สำรองข้อมูล

ส่วนหนึ่งของการป้องกันความเสี่ยงคือการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด การขัดข้องกะทันหัน ความผิดพลาดอย่างกะทันหัน และความเสียหายของฮาร์ดแวร์แบบสุ่ม ล้วนมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ การสำรองไฟล์เป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถทำได้ด้วยตนเอง นั่นเป็นเหตุผลที่จัดอันดับไว้ที่ความสำคัญต้นๆเลย คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเปลี่ยนได้ แต่หากไม่มีข้อมูลสำรอง ข้อมูลของคุณก็ไม่สามารถทดแทนได้

การสำรองข้อมูลเต็มรูปแบบมักจะทำบนฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนมากและบนคลาวด์ การทำสำเนาทุกสิ่งบนคอมพิวเตอร์ซ้ำกัน (จริงๆ แล้วการมีข้อมูลของคุณใน 3 แห่งนั้นปลอดภัยที่สุด) ข้อมูลอันมีค่าทั้งหมดจะอยู่ทั้งในคอมพิวเตอร์และในไดรฟ์ภายนอกหรือบนคลาวด์


ที่มา www.hp.com

www.kodefix.com

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น