ธุรกิจจำนวนมากละเลยที่จะให้ความสนใจถึงอันตรายของอีเมล์ขยะ
(Junk
mail หรือ Spam mail) และมองว่าทำได้เพียงสร้างความน่ารำคาญเท่านั้น
แม้ว่าอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นจะสร้างความหงุดหงิดใจ แต่ในหลาย ๆ
สถานการณ์ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงหรือรวมไปถึงมีเนื้อหาที่เป็นอันตรายแฝงเข้ามาได้
ในปัจจุบันการติดต่อสื่อสารทางอีเมล์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในระดับบุคคล
องค์กรเอกชน หรือในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อติดต่อระหว่างองค์กรหรือการติดต่อสื่อสารส่วนตัว
ซึ่งอีเมล์แอดเดรสก็เปรียบเสมือนที่อยู่ทางไปรษณีย์ของเรานั่นเอง ที่แตกต่างกันก็คืออีเมล์แอดเดรสจะถูกส่งไปกับอีเมล์ที่เรารับ
ส่ง หรือส่งต่อ นั่นหมายถึงทุกครั้งที่เรารับ ส่ง หรือส่งต่ออีเมล์จะทำให้คนที่อยู่ในกลุ่มผู้รับหรือผู้ที่รับอีเมล์ต่อ
จะรู้อีเมล์แอดเดรสของเราได้อย่างง่ายดาย หมายถึงโอกาสที่กลุ่มผู้สร้างอีเมล์ขยะ
หรือ Spam
mail จะสามารถรู้อีเมล์แอดเดรสของเราและส่ง Spam mail มาให้เราได้อย่างไม่ยากเลย และสิ่งที่มักจะตามมาหนึ่งในนั้นก็คือ
การได้รับอีเมล์ซ้ำ ๆ บ่อย (Spam mail) นั่นเอง
ความหมายของ Spam
Mail
คำว่า Spam เป็นคำแสลงที่ใช้ในการเรียกอีเมล์ที่เราไม่ต้องการ
ถือเป็นประเภทหนึ่งของอีเมล์ขยะ (Junk Mail) จะหมายถึงกลุ่มอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ที่ถูกส่งเป็นจำนวนมาก
(Spam) โดยที่ผู้ส่งไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน เริ่มแรกถูกใช้โดยมีจุดประสงค์ในการโฆษณาขายสินค้า
ประชาสัมพันธ์ บริจาค ขอความช่วยเหลือ หรืออื่น ๆ ซึ่งมักจะสร้างความรำคาญในกับผู้ใช้อีเมล์หากได้รับอีเมล์ประเภทนี้มากเกินไป
สรุปก็คือ Spam mail จะหมายถึงเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ที่จะส่งเข้ามาใน
Inbox (กล่องจดหมาย) ของเรานั่นเอง
หรือหากจะขยายความ Spam
Mail เพิ่มเติม ก็จะรวมไปถึง อีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนึ่งที่ถูกส่งมาจากที่ผู้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่าเป็นใคร
(โดเมนที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตน) ส่งไปหาบุคคลจำนวนมาก ๆ ในทีเดียวกันโดยใช้ทรัพยากรของคนอื่น
ซึ่งวัตถุประสงค์ที่ส่งอีเมล์ลักษณะนี้ก็เพื่อที่จะใช้เป็นการประชาสัมพันธ์ โฆษณา ก่อกวน
หรือแม้กระทั่งการส่ง Virus เป็นต้น อาจจะมีการฝังบอท (Bot)
หรือสคริปต์ (Script) ต่าง ๆ ไว้ในไฟล์ที่แนบมากับอีเมล์นั้นด้วย
เมื่อเปิดไฟล์นั้นหรือดาวน์โหลดลงมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้
โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่ง Spam
Mail ออกเป็น 2 แบบด้วยกัน ซึ่งจะมีผลต่างกันขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ต
Spam Mail แบบแรก จะเป็น Spam ที่ถูกส่งเข้าไปตามกระดานข่าวเว็บบอร์ด โดยจะเป็นการโพสต์ข้อความซ้ำ ๆ กัน
และจะกระจายไปยังกระดานข่าวต่าง ๆ
ซึ่งข้อความอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อในกระดานข่าวนั้นเลย
ภายในจะมีข้อความเชื้อเชิญที่น่าสงสัยต่าง ๆ นานา
โดยอาจจะมีลิงก์ให้กดเพื่อเข้าไปชม หรือบางทีอาจจะหลอกให้ทำการสมัครสมาชิก
และ Spam อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ
จะเป็นการส่งอีเมล์ไปยังผู้รับโดยตรง โดยผู้รับนั้นอาจจะไม่เคยรู้จักผู้ส่งหรือสแปมเมอร์มาก่อนว่าเป็นใคร
มาจากไหน โดยสแปมเมอร์จะทำการค้นหาอีเมล์จากแหล่งต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นกระดานข่าวที่คุณไปทำการโพสต์อีเมล์ไว้หรือ ค้นหาตามเว็บแอดเดรส
รวมทั้งการที่คุณสมัครสมาชิกอะไรก็ตาม พวกสแปมเมอร์จะเอาอีเมล์เหล่านั้นมา แล้วส่ง
Spam มายังอีเมล์ของคุณ Spam Mail เหล่านี้จะได้เงินจากการที่คนเปิดอีเมล์ที่
Spam นั้นส่งไป แล้วเข้าไปใช้บริการภายใน
ซึ่งภายในก็จะมีทั้งโฆษณาการเชิญชวนต่าง ๆ
ประเภทของ Spam
Mail
สำหรับ Spam mail นั้นจะมีอยู่หลากหลายประเภท
ดังนี้
1) 1. Spyware (สปายแวร์) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บุคคลที่สามซึ่งไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ ซอฟต์แวร์นี้อาจติดตามอีเมล์ ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านของคุณ และเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับอาชญากรไซเบอร์ในการรับข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารออนไลน์ของคุณ เพียงแค่คุณคลิกลิงก์ที่เป็นอันตรายก็สามารถติดตั้งสปายแวร์ได้ในทุกโอกาส
2) 2. Blank
Spam (แบล๊งค์ สแปม) คือ SPAM ที่มีจุดประสงค์หลักคือก่อก่วนระบบอีเมล์โดยการส่งอีเมล์ที่ไม่มีเนื้อหา
ทำให้เกิดการติดขัดในระบบ หรือทำให้ระบบทำงานช้าลง เนื่องจากมีอีเมล์จำนวนมากที่ต้องจัดการโดยไม่จำเป็น
3) 3. Phishing
(ฟิชชิ่ง) คืออีเมล์ที่มีลักษณะหลอกสอบถามข้อมูลที่เป็นความลับ
ข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยสู่สาธารณะ เช่น รายละเอียดชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน
เป็นต้น โดยแทนที่จะสอบถามข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา กลับใช้วิธีการหลอกล่อต่าง
ๆ ผ่านเนื้อหาในอีเมล์ เช่น หลอกถามข้อมูล Password หรือสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งหากผู้รับไม่รู้เท่าทันแล้วส่งข้อมูลกลับไปอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้ที่ได้รับอีเมล์ฉบับนั้น
ๆ ด้วย
4) 4. Spamvertised
Sites (สแปมเวอร์ไทด์ ไซต์) คือ
อีเมล์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการโฆษณาสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ
ซึ่งในบางครั้งมักจะมีการโฆษณาและหลอกลวงแอบแฝงเข้ามาด้วย
5) 5. Image
Spam (อิมเมจ สแปม) เป็นลักษณะของ Spamvertised Sites ชนิดหนึ่ง แต่ส่งข้อมูลมาในลักษณะของรูปภาพแทนที่จะเป็นข้อมูลตัวอักษรเพื่อให้ยากต่อการตรวจจับของระบบดักจับ
Spam (Spam Filter)
6) 6. Ransomware
(แรนซัมแวร์) เป็นวิธีล็อกคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายไอทีของคุณ และมักจะพบในลักษณะของการเรียกค่าไถ่
เพียงแค่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ก็สามารถติดตั้งแรนซัมแวร์ได้ ต่างจากสปายแวร์
คุณจะทราบได้อย่างรวดเร็วว่าคุณมีแรนซัมแวร์ในระบบเมื่อไฟล์ทั้งหมดของคุณถูกล็อกแล้ว
คุณจะไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ ข้อความเรียกค่าไถ่จะปรากฏขึ้น
ทั้งบนหน้าจอของคุณหรือในแต่ละไฟล์ของคุณ มันจะประกอบด้วยคำอธิบายและเงื่อนไขค่าไถ่
ในกรณีที่คุณตกเป็นเหยื่อของการโจมตี ransomware อย่าเพิ่งรีบร้อนจ่ายค่าไถ่ทันที
ไม่มีการรับประกันว่าไฟล์ของคุณจะปลอดภัย คุณกำลังเผชิญกับอาชญากร
ให้ผู้เชี่ยวชาญมีส่วนร่วมโดยเร็วที่สุดและให้พวกเขาช่วยคุณ
7) 7. Backscatter
Spam (แบล็กสเก็ตเตอร์) คืออีเมล์ที่มีการแนบไฟล์ที่มีการทำงานเป็น Virus
(ไวรัส) หรือ มัลแวร์ โทรจัน (Malware Trojans) อีกทั้งยังมีเนื้อหาเชิญชวนให้ผู้ใช้งานทำการเปิดใช้งานไฟล์ดังกล่าว
เพื่อให้ไวรัสนั้น ๆ ทำงานซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลหรือทรัพย์สิน
0 ความคิดเห็น