ปกติแล้วการโอนเงินระหว่างประเทศที่มีสกุลเงินแตกต่างกัน
เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคารตัวกลาง (Intermediary
Bank) ซึ่งใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน
เพื่อให้เกิดความถูกต้องและปลอดภัย แต่สำหรับในยุคดิจิทัล
การโอนเงินระหว่างประเทศกำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีและสะดวกขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Blockchain
นวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์คนยุคใหม่ในเรื่องความง่ายและรวดเร็วในการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์เพียงไม่กี่วินาที
บล็อกเชนคืออะไร
บล็อกเชน (Blockchain)
คือ ระบบฐานข้อมูลประเภทหนึ่งที่มีการบันทึกข้อมูลไว้ในรูปแบบบล็อก
จากนั้นจึงเชื่อมต่อโครงข่ายโดยตรงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
ถือเป็นบัญชีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันว่า Ledger โดยในแต่ละบล็อกจะประกอบด้วยหมายเลขธุรกรรม
เมื่อมีการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนทุกครั้ง
ระบบจะทำการบันทึกรายการธุรกรรมนั้นเพิ่มเข้าไปใน Ledger ของผู้ที่อยู่ในการเชื่อมต่อของโครงข่าย
บล็อกเชนทำงานอย่างไร
ขั้นที่ 1 เมื่อเกิดการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนทุกครั้ง
ระบบจะบันทึกข้อมูลในรูปของบล็อก
โดยธุรกรรมเหล่านั้นแสดงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ การบันทึกข้อมูลประกอบด้วยใคร
ทำอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ และเงื่อนไขอื่นๆ
ขั้นที่ 2 ข้อมูลในบล็อกหนึ่งจะเชื่อมต่อกับอีกบล็อกหนึ่งในรูปแบบห่วงโซ่เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์จากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งหรือเกิดการเปลี่ยนมือเจ้าของของสินทรัพย์นั้น
เพื่อป้องกันบล็อกเหล่านั้นไม่ให้ถูกเปลี่ยนแปลงหรือโจมตีทางข้อมูล ทั้งนี้
ข้อมูลบนบล็อกจะระบุช่วงเวลาและผลลัพธ์ของธุรกรรมอย่างชัดเจน
ขั้นที่ 3 การทำธุรกรรมจะถูกล็อกอยู่ในบล็อกด้วยกัน
เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลและอยู่บนนั้นตลอดไป
รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนให้ผู้ที่อยู๋ในโครงข่ายเดียวกัน
บล็อกเชนมีกี่ประเภท
การสร้างโครงข่ายของเทคโนโลยีบล็อกเชนมีหลายวิธีด้วยกัน
โดยทั่วไปแล้ว จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. Public Blockchain
คือ ระบบบล็อกเชนที่ทุกคนเข้าร่วมได้
ซึ่งบิตคอยน์จัดเป็นบล็อกเชนประเภทนี้
อาจมีข้อเสียเปรียบในแง่ของความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมและความปลอดภัยอาจน้อยกว่า
2. Private Blockchain
คือ ระบบบล็อกเชนที่มีหน่วยงานกำกับดูแล
โดยจะอนุญาตว่าใครสามารถเข้าร่วมได้ รวมทั้งบริหารจัดการการทำธุรกรรมของ Ledger
3. Permissioned Blockchain
คือ
ระบบบล็อกเชนที่มีการตั้งกฎหรือข้อบังคับว่าใครจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้และทำธุรกรรมใดได้บ้าง
โดยผู้เข้าร่วมจำเป้นต้องได้รับคำเชิญในการเข้าร่วม
4. Consortium Blockchain
คือ
ระบบบล็อกเชนที่มีหน่วยงานหลายหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกันในการดำเนินกิจกรรมบางอย่างบนบล็อกเชน
โดยจะตัดสินใจว่าใครจะส่งธุรกรรมต่างๆ และเข้าถึงข้อมูลได้
บล็อกเชนแตกต่างจากระบบเก็บข้อมูลอื่นอย่างไร
บล็อกเชนจัดเป็นระบบฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกันประเภทหนึ่ง แต่ต่างจากฐานข้อมูลทั่วไปตรงที่วิธีการเก็บข้อมูล นั่นก็เพราะบล็อกเชนเป็นระบบฐานข้อมูลแบบไร้ตัวกลาง กล่าวคือ สมาชิกที่อยู่ในการเชื่อมต่อของโครงข่ายจะมีส่วนร่วมในการดูแลจัดการที่เรียกว่า เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ หรือ Distributed Ledger Technology (DLT) นี่เองที่ทำให้บล็อกเชนยังจัดเป็น DLT ประเภทหนึ่งด้วย
0 ความคิดเห็น