Widget Recent Post No.

header ads

Smart Contract ในโลกคริปโตฯ

 

เริ่มต้นจาก Smart Contract ในโลกคริปโตฯ นั้นคืออะไร ?

Smart Contract คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กซึ่งถูกเก็บไว้ในรูปของบล็อกเชน และถ้าแปลอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ ซึ่งเป็นได้ทั้งสัญญาว่าจ้าง การซื้อขาย หรือสัญญาของเอกสาร แต่แตกต่างจากสัญญาทั่วไปตรงที่สัญญาแสนฉลาดที่ว่านี้สามารถบันทึกข้อมูล ข้อตกลงสัญญา และสามารถยืนยันตัวเองได้ มันดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อเงื่อนไขที่ถูกเขียนไว้ครบถ้วน และกระจายสำเนาไปถึงทุกคนในระบบให้ตรวจสอบกันเอง โดยไม่ต้องมี ‘ตัวกลาง’ หรือมีคนมานั่งตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งข้อดีที่สุดของมัน คือ การที่ไม่มีใครโกงสัญญาดังกล่าวได้ เพราะหากต้องการแก้ไขสัญญาต้องตามแก้ไขทุกสำเนาที่ถูกกระจายไปก่อนหน้านั้น

 

การทำงานของ Smart Contract ที่น่าสนใจในโลกคริปโตฯ

การทำงานเบื้องต้น คือ เมื่อคุณเขียนโค้ดโดยบอกว่า ‘ถ้าเกิด…แล้วจะเกิด…’ แล้วนำโค้ดไปใส่บนบล็อกเชน Smart Contract ก็จะพร้อมทำงาน

ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล มีหลายบล็อกเชนที่สนับสนุนการทำงานของ Smart Contract—ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ‘Ethereum’ ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานของสัญญาอัจฉริยะโดยเฉพาะ โดย วิตาลิก บูเจริน (Vitalik Buterin) ผู้พัฒนา Ethereum บอกว่า บล็อกเชนไม่ใช่แค่ใช้โอนเงินหากันไปมา มันสามารถประมวลผลโค้ด บันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกข้อมูลลงในนั้นได้ จึงสร้าง Ethereum ขึ้นมาเป็นบล็อกเชนตัวแรกที่มาพร้อมกับสามารถในการประมวลผลโค้ด และได้นิยาม Smart Contract ว่าคือการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์หรือเงินตราเข้าไปในตัวโปรแกรม และโปรแกรมนี้จะทำงานด้วยตัวของมัน ในจุดหนึ่งมันจะทำการเช็กเงื่อนไขว่า สินทรัพย์นี้ควรจะถูกส่งต่อไปที่ใคร หรือควรจะถูกโอนคืนกลับไปให้เจ้าของ

บนการทำงานของ Ethereum ผู้ใช้งานสามารถเขียน Smart Contract เชื่อมต่อกับอะไรก็ได้ โดยสัญญาจะทำงานเมื่อใส่เหรียญ Ethereum (ETH) เข้าไปในตัวสัญญานั้นๆ โดยระบุกฎระเบียบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเอาไว้ด้วย ซึ่งทำให้มีหลายบริการเกิดขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum นั่นเอง อย่างเรื่องการเทรดหรือประมูล NFT ก็คือหนึ่งในนั้น

 

ความสามารถของสัญญาอัจฉริยะมีดังนี้

1. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

2. ข้อมูลที่บันทึกไว้จะอยู่ตลอดไป หากมีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

3. ทุกคนสามารถเข้าถึงและดูโค้ดได้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง

4. สัญญาอัจฉริยะทำงานและยืนยันตามเงื่อนไขที่ระบุไว้อัตโนมัติ

 

Smart Contract ปรับใช้กับอะไรได้บ้าง ?

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นแล้วกัน ยกตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดของ Smart Contract นั่นก็คือ ‘ตู้กดของอัตโนมัติ’ (vending machine) เมื่อคุณใส่เงินเข้าไปตามจำนวนที่กำหนด ตู้ก็จะออกสินค้าที่เราเลือกให้โดยอัตโนมัติ ทอนเงินอัตโนมัติ แต่ถ้าเงินใส่ไปไม่พอ มันก็จะแจ้งให้เราใส่เงินเพิ่ม จนกระทั่งสินค้าไหลลงมาจากเครื่องเมื่อ ‘เงื่อนไข’ —ซึ่งก็คือคำสั่งและจำนวนเงิน—ใส่ลงไปครบ

Siam Blockchain เคยยกตัวอย่างอื่นๆ ไว้อย่างน่าสนใจด้วยถึงความสามารถของ Smart Contract เช่น การที่มันสามารถปรับใช้กับการทำงานโครงสร้างใหญ่ของสังคมอย่าง ‘การทำใบขับขี่’ ได้ด้วย คือ เมื่อต้องการต่อใบขับขี่ กรมขนส่งจะส่งข้อสอบมาให้ทำในออนไลน์ หลังจากทำเสร็จ สัญญาอัจฉริยะจะรับหน้าที่เช็กว่าผลสอบผ่านเกณฑ์หรือไม่ ถ้าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ข้อมูลการสอบครั้งนี้ก็จะบันทึกไว้ จากนั้นผู้สอบก็โอนคริปโตฯ เป็นค่าเอกสาร เมื่อ Smart Contract ตรวจสอบว่า สอบผ่าน จ่ายเงินครบ ถือว่าบรรลุเงื่อนไขสัญญาที่ตั้งไว้ ก็จะทำการส่งใบขับขี่ให้ ซึ่งใบขับขี่ก็จะมาในรูปแบบดิจิทัลและถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชนเช่นกัน

 แน่นอนว่าในอนาคต Smart Contract น่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ และเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันผู้คนได้ไม่ยาก และช่วยลดการทำงานเอกสารของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามว่าหากเกิดการรันโค้ดผิดพลาด หรือโค้ดถูกทำลาย (ซึ่งมันใช้คำสั่งทำลายได้) เราจะฟ้องร้องใคร ฟ้องร้องกับบล็อกเชนได้หรือไม่ ดังนั้นสัญญาอัจฉริยะจึงเป็นเทคโนโลยีที่ยังคงต้องถูกพัฒนาต่อ เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

 

 อ้างอิงข้อมูลจาก

thematter.co

support.bitkub.com

siamblockchain.com

https://www.kodefix.com












แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น