ด้วยการเร่งความเร็วทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา กลโกงทางออนไลน์จึงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี
2564 ด้วยการกลโกงที่เพิ่มขึ้น การโจมตีจึงมีความซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงกลวิธีสำหรับฟิชชิ่ง การกรรโชก และการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งทำให้แต่ละธุรกิจมีต้นทุนในการบริหารจัดการเรื่องนี้เพิ่มขึ้นถึง 42 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

เมื่อเราเข้าสู่ปีใหม่ในปี 2565 ในสถานการณ์ที่โลกของเราเชื่อมต่อกันมากขึ้น เราได้รวบรวมภัยคุกคามจากกลโกงทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นใหม่ 4 อันดับแรกที่เราจะได้เห็นบริษัทต่าง ๆ เผชิญในปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป

 

1 การเพิ่มขึ้นของ Metaverse Digital Identity Passports

กลโกงทางดิจิทัลไม่ได้เผยแพร่ไปมากนัก การเพิ่มขึ้นนี้มีอัตราเร่งอย่างมากในยุคโซเชียลมีเดียนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำอย่างเช่น Facebook ได้เริ่มมุ่งเน้นไปที่ metaverse และสนับสนุนการใช้ "ข้อมูลส่วนบุคคลในระบบดิจิทัล" สำหรับ การทำงานและการพักผ่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะยังอยู่อีกไกล แต่ด้วยความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมเกิดขึ้น ผู้โจมตีทางไซเบอร์จะหาทางใช้ประโยชน์จากภูมิทัศน์ใหม่ ๆ และโจมตีผู้บริโภคและธุรกิจโดยช่องโหว่ที่พวกเขาค้นพบ

จากช่องโหว่ใหม่นี้ ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องป้องกันการฉ้อโกงทางดิจิทัลที่ฉับไวมากขึ้นเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ข้อมูลประจำตัวดิจิทัลนั้นสร้างได้ง่าย ดังนั้นทีมรักษาความปลอดภัยจะต้องพิจารณาวิธีใช้ online digital footprint เพื่อระบุบัญชีปลอมและการพยายามฉ้อโกงให้แม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคก็ต้องดำเนินการเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในระบบดิจิทัลของตนเองจากการถูกโจมตีโดยนักโจรกรรมทางออนไลน์เหล่านี้

 

2 AI และการนำเครื่องจักรมาใช้เพื่อป้องกันการกลโกงใน E-Commerce

เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น AI และ Machine Learning (ML) ได้ช่วยพัฒนากระบวนการทำงานอัตโนมัติทั่วทั้งอุตสาหกรรม แต่เมื่ออีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว กลโกงก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ โดยเฉลี่ยอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซโดนโจมตีทางเว็บไซต์สูงถึง 206,000 ครั้งต่อเดือน 42% ของธุรกิจพบว่ากลโกงทางดิจิทัลขัดขวางนวัตกรรมและการขยายสู่ช่องทางใหม่ แต่ก็มีบริษัทเพียง 34% เท่านั้นที่ลงทุนในการป้องกันและบรรเทาการโจรกรรมทางดิจิตัล

ด้วยอีคอมเมิร์ซที่เฟื่องฟูและไม่มีสัญญาณของการชะลอตัวของการเติบโตดังกล่าว  AI และ ML ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2565 และต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์ตามทันนักต้มตุ๋นที่พัฒนากลยุทธ์การโจรกรรมในรูปแบบใหม่ๆ  AL และ ML จะช่วยให้ผู้ขายออนไลน์มองเห็นรูปแบบที่อาจจะดำเนินการผิดพลาดไปด้วยการตรวจสอบด้วยตนเอง การใช้ AI และ ML จะช่วยให้ผู้ขายวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเปรียบเทียบกับธุรกรรมในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลจับจ่ายที่สูงขึ้น

 

3 การเพิ่มขึ้นของการโจรกรรมในการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตัล (Cryptocurrencies)

การโจรกรรมในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrencies) ทุกการโจมจีออกแบบมาเพื่อรีดไถเงินสกุลดิจิทัลจากกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลโดยวิธีการที่ผิดกฎหมาย การโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อนักโจรกรรมใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาเพื่อชำระเงินและสร้างรหัสปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ KYC  เมื่อซื้อสกุลเงินดิจิทัลซึ่งอาจนำไปสู่อัตราการชาร์จจากการชำระเงินโดยบัตรเครดิตที่สูง กระดานแลกเปลี่ยนมีความเสี่ยงสูงต่อการโจรกรรมเช่นเดียวกับธนาคารออนไลน์และผู้ให้บริการสินเชื่อ เพราะรูปแบบดิจิทัลเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเข้าถึงสินทรัพย์ทางการเงิน

ปัจจุบันเริ่มมีเครื่องมือที่เข้ามาแก้ปัญหา (solutions) การโจรกรรมจากผู้พัฒนาภายนอกเพิ่มขึ้น เช่นการเชื่อมโยง Coinbase Commerce และ BitPay สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ (cryptocurrencies) ถึงแม้ว่าการใช้ solutions ในรูปแบบนี้จะได้รับความนิยมสูง แต่กระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลที่ปลอดภัยที่สุดก็ไม่สามารถปกป้องผู้ใช้จากการโจมตีฟิชชิ่งขั้นสูงและกลโกงทางเทคนิคได้ เนื่องจากคริปโตเคอเรนซี่ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ผู้ใช้งานและนักลงทุนจึงขาดความตระหนักถึงวิธีการป้องกันและความปลอดภัยในการใช้งานในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีธุรกรรมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

 

4 ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้การโจรกรรมทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น

โรคระบาดครั้งใหญ่อย่างโควิด19 ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไปสู่สภาพแวดล้อมดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ และการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้กลยุทธ์การโจรกรรมรูปแบบใหม่ๆ อย่าง ฟิชชิ่ง(phishing) สมิชชิ่ง (smishing : SMS ฟิชชิ่ง) และการหลอกลวงอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2020 จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของ FBI และจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกในปีถัดๆ ไป

นอกจากนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง ผู้คนตกงานและได้รับผลประโยชน์การว่างงานและการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีส่วนนำไปสู่การพยายามโจรกรรมทางการเงินที่สูงขึ้น เนื่องจากนักโจรกรรมสามารถสร้างที่อยู่อีเมลที่ใช้แล้วทิ้งได้ไม่จำกัดหรือซื้ออีเมลจริงผ่านตลาดมืด (darket/clearnet marketplaces) ได้อย่างง่ายดาย นักโจรกรรมจึงมักกำหนดเป้าหมายโจมตีไปยังผู้ที่มีช่องโหว่ที่พบได้ในช่องทางเหล่านี้

ในปี 2565 นี้ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ ในทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม โซลูชั่นที่ทันสมัยเหล่านี้ก็สามารถสร้างโอกาสให้ธุรกิจและผู้ใช้งานพบกับการโจรกรรมได้เช่นกัน ในขณะที่นักโจรกรรมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในเกือบทุกอุตสาหกรรม รูปแบบการโจมตีก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้ามากขึ้น นวัตกรรม "การก่ออาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต" จึงดีขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น กลยุทธ์และเครื่องมือใหม่ๆ ในการตรวจจับและป้องกันขั้นสูงจะช่วยลดการโจรกรรม ช่วยประหยัดเวลา เงิน และป้องกันความพยายามในการโจมตีรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2565

 

ที่มา : https://www.securitymagazine.com

         https://www.kodefix.com/fraud-in-2022/