เมื่อเราเข้าสู่ปีใหม่ในปี 2565 ในสถานการณ์ที่โลกของเราเชื่อมต่อกันมากขึ้น เราได้รวบรวมภัยคุกคามจากกลโกงทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นใหม่
4 อันดับแรกที่เราจะได้เห็นบริษัทต่าง ๆ เผชิญในปี 2022 และปีต่อ ๆ ไป
1 การเพิ่มขึ้นของ Metaverse
Digital Identity Passports
กลโกงทางดิจิทัลไม่ได้เผยแพร่ไปมากนัก
การเพิ่มขึ้นนี้มีอัตราเร่งอย่างมากในยุคโซเชียลมีเดียนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำอย่างเช่น
Facebook
ได้เริ่มมุ่งเน้นไปที่ metaverse และสนับสนุนการใช้
"ข้อมูลส่วนบุคคลในระบบดิจิทัล" สำหรับ การทำงานและการพักผ่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะยังอยู่อีกไกล
แต่ด้วยความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมเกิดขึ้น ผู้โจมตีทางไซเบอร์จะหาทางใช้ประโยชน์จากภูมิทัศน์ใหม่
ๆ และโจมตีผู้บริโภคและธุรกิจโดยช่องโหว่ที่พวกเขาค้นพบ
จากช่องโหว่ใหม่นี้ ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องป้องกันการฉ้อโกงทางดิจิทัลที่ฉับไวมากขึ้นเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ข้อมูลประจำตัวดิจิทัลนั้นสร้างได้ง่าย ดังนั้นทีมรักษาความปลอดภัยจะต้องพิจารณาวิธีใช้
online
digital footprint เพื่อระบุบัญชีปลอมและการพยายามฉ้อโกงให้แม่นยำยิ่งขึ้น
ในขณะที่ผู้บริโภคก็ต้องดำเนินการเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในระบบดิจิทัลของตนเองจากการถูกโจมตีโดยนักโจรกรรมทางออนไลน์เหล่านี้
2 AI และการนำเครื่องจักรมาใช้เพื่อป้องกันการกลโกงใน
E-Commerce
เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น AI
และ Machine Learning (ML) ได้ช่วยพัฒนากระบวนการทำงานอัตโนมัติทั่วทั้งอุตสาหกรรม
แต่เมื่ออีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว กลโกงก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
โดยเฉลี่ยอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซโดนโจมตีทางเว็บไซต์สูงถึง 206,000 ครั้งต่อเดือน 42% ของธุรกิจพบว่ากลโกงทางดิจิทัลขัดขวางนวัตกรรมและการขยายสู่ช่องทางใหม่
แต่ก็มีบริษัทเพียง 34% เท่านั้นที่ลงทุนในการป้องกันและบรรเทาการโจรกรรมทางดิจิตัล
ด้วยอีคอมเมิร์ซที่เฟื่องฟูและไม่มีสัญญาณของการชะลอตัวของการเติบโตดังกล่าว
AI และ ML
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2565
และต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์ตามทันนักต้มตุ๋นที่พัฒนากลยุทธ์การโจรกรรมในรูปแบบใหม่ๆ
AL และ ML จะช่วยให้ผู้ขายออนไลน์มองเห็นรูปแบบที่อาจจะดำเนินการผิดพลาดไปด้วยการตรวจสอบด้วยตนเอง
การใช้ AI และ ML จะช่วยให้ผู้ขายวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเปรียบเทียบกับธุรกรรมในปัจจุบัน
ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลจับจ่ายที่สูงขึ้น
3 การเพิ่มขึ้นของการโจรกรรมในการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตัล
(Cryptocurrencies)
การโจรกรรมในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่
(Cryptocurrencies)
ทุกการโจมจีออกแบบมาเพื่อรีดไถเงินสกุลดิจิทัลจากกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลโดยวิธีการที่ผิดกฎหมาย
การโจมตีส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อนักโจรกรรมใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาเพื่อชำระเงินและสร้างรหัสปลอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
KYC เมื่อซื้อสกุลเงินดิจิทัลซึ่งอาจนำไปสู่อัตราการชาร์จจากการชำระเงินโดยบัตรเครดิตที่สูง
กระดานแลกเปลี่ยนมีความเสี่ยงสูงต่อการโจรกรรมเช่นเดียวกับธนาคารออนไลน์และผู้ให้บริการสินเชื่อ
เพราะรูปแบบดิจิทัลเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเข้าถึงสินทรัพย์ทางการเงิน
ปัจจุบันเริ่มมีเครื่องมือที่เข้ามาแก้ปัญหา
(solutions) การโจรกรรมจากผู้พัฒนาภายนอกเพิ่มขึ้น เช่นการเชื่อมโยง Coinbase
Commerce และ BitPay สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่
(cryptocurrencies) ถึงแม้ว่าการใช้ solutions ในรูปแบบนี้จะได้รับความนิยมสูง แต่กระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลที่ปลอดภัยที่สุดก็ไม่สามารถปกป้องผู้ใช้จากการโจมตีฟิชชิ่งขั้นสูงและกลโกงทางเทคนิคได้
เนื่องจากคริปโตเคอเรนซี่ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ผู้ใช้งานและนักลงทุนจึงขาดความตระหนักถึงวิธีการป้องกันและความปลอดภัยในการใช้งานในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่
ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีธุรกรรมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
4 ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้การโจรกรรมทางไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น
โรคระบาดครั้งใหญ่อย่างโควิด19
ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไปสู่สภาพแวดล้อมดิจิทัลอย่างสมบูรณ์
และการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้กลยุทธ์การโจรกรรมรูปแบบใหม่ๆ อย่าง ฟิชชิ่ง(phishing) สมิชชิ่ง (smishing : SMS ฟิชชิ่ง)
และการหลอกลวงอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2020
จากข้อมูลของศูนย์รับเรื่องร้องเรียนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของ FBI และจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกในปีถัดๆ ไป
นอกจากนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง
ผู้คนตกงานและได้รับผลประโยชน์การว่างงานและการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีส่วนนำไปสู่การพยายามโจรกรรมทางการเงินที่สูงขึ้น
เนื่องจากนักโจรกรรมสามารถสร้างที่อยู่อีเมลที่ใช้แล้วทิ้งได้ไม่จำกัดหรือซื้ออีเมลจริงผ่านตลาดมืด
(darket/clearnet
marketplaces) ได้อย่างง่ายดาย นักโจรกรรมจึงมักกำหนดเป้าหมายโจมตีไปยังผู้ที่มีช่องโหว่ที่พบได้ในช่องทางเหล่านี้
ในปี 2565 นี้ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ
ในทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม โซลูชั่นที่ทันสมัยเหล่านี้ก็สามารถสร้างโอกาสให้ธุรกิจและผู้ใช้งานพบกับการโจรกรรมได้เช่นกัน
ในขณะที่นักโจรกรรมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในเกือบทุกอุตสาหกรรม
รูปแบบการโจมตีก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้ามากขึ้น นวัตกรรม
"การก่ออาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต" จึงดีขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น
กลยุทธ์และเครื่องมือใหม่ๆ ในการตรวจจับและป้องกันขั้นสูงจะช่วยลดการโจรกรรม ช่วยประหยัดเวลา
เงิน และป้องกันความพยายามในการโจมตีรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2565
ที่มา : https://www.securitymagazine.com
0 ความคิดเห็น